วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 13 การจัดการเงินสดและทรัพย์ที่ตลาดต้องการ

การจัดการเงินสดและทรัพย์ที่ตลาดต้องการ

อะไรคือทรัพย์สินสภาพคล่อง?
          เงินสด(cash)  คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่บริษัทถือไว้ในมือในรูปของบัญชีเงินฝาก บัญชีกระแสรายวัน ส่วนหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ(marketable securities) หรือเรียกว่า ทรัพย์สินที่มีสภาพใกล้เคียงเงินสด คือเป็นหลักทรัพย์ที่บริษัทลงทุนไว้และสามารถเปลี่ยนให้เป็นเงินสดได้เร็ว

เหตุจูงใจในการถือเงินสดของบริษัท มี 3 ประการ ได้แก่


     1. เพื่อการใช้จ่ายในการดำเนินงานตามปกติ
               การถือเงินสดไว้ใช้จ่ายในการดำเนินงานตามปกติของบริษัท  จะช่วยให้บริษัทมีความสามารถในการชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามปกติจากการดำเนินงานของบริษัท

     2. เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน
               การถือเงินสดเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินเป็นการสำรองเงินสดหรือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงไว้ใช้จ่ายเมื่อมีเหตุจำเป็นของบริษัท  โดยในทางปฏิบัติการถือเงินสดเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินนั้น  บริษัทมักจะถือไว้ในรูปของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องตัวสูง

     3. เพื่อการเก็งกำไร
               การถือเงินสดเพื่อเก็งกำไรเป็นลักษณะของการนำเงินสดส่วนเกินของบริษัทไปลงทุนหาผลประโยชน์ตอบแทน  อย่างไรก็ตามการถือเงินสดเพื่อเก็งกำไรจัดเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับการถือเงินสดเพื่อใช้จ่ายตามปกติและการถือเงินสดเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน


การตัดสินใจและวัตถุประสงค์ของการจัดการเงินสด
          การจัดการเงินสดและหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ  จะต้องพิจารณาถึงผลได้และผลเสียที่เกิดขึ้น  ซึ่งการถือเงินสดของบริษัทไว้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะทำให้เกิดผลเสีย คือ
  • การจัดการเงินสดของบริษัทจะเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทให้น้อยลง ดังนั้นบริษัทควรที่จะต้องมีเงินสดให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตรงตามกำหนดระยะเวลาด้วย
  • การถือเงินสดของบริษัทไว้มากหรือน้อยเกินไป ถ้าถือไว้มากจะทำให้กำไรน้อยลง และถ้าถือไว้น้อย ก็จะประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องได้
วัตถุประสงค์ของการถือเงินสด มี 2 ประเภท คือ
  1. การถือเงินสดอย่างเพียงพอจะต้องสอดคล้องกับความต้องการใช้เงินสดในการใช้จ่ายของบริษัท
  2. การถือเงินสดจะต้องถือให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
การกำหนดเงินสดขั้นต่ำ

  • วงจรเงินสดของธุรกิจ = อายุสินค้า + ระยะเวลาเรียกเก็บหนี้ -ระยะเวลาชำระหนี้
  • อัตราการหมุนเวียนของเงินสด = จำนวนวันใน 1 ปี/ วงจรเงินสดของธุรกิจ
  • เงินสดขั้นต่ำ = เงินสดที่ต้องใช้ต่อปี/ อัตราการหมุนเวียนของเงินสด


ปัจจัยกำหนดเงินสดขั้นต่ำ

  • อายุสินค้าหรือระยะเวลาที่ผลิตสินค้าจนเป็นสินค้าสำเร็จรูป
  • อายุลูกหนี้หรือระยะเวลาเรียกเก็บหนี้หรือระยะเวลาที่ให้เครดิต
  • อายุเจ้าหนี้หรือระยะเวลาจ่ายชำระหนี้หรือระยะเวลาที่ได้เครดิต


ปัจจัยกำหนดเงินสดขั้นต่ำ

  • อายุสินค้า= 360 / อัตราการหมุนเวียนของสินค้า
  • อายุลูกหนี้หรือระยะเวลาเรียกเก็บหนี้หรือระยะเวลาที่ให้เครดิต = 360 / อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้
  • อายุเจ้าหนี้หรือระยะเวลาจ่ายชำระหนี้หรือระยะเวลาที่ได้เครดิต = 360 / อัตราการหมุนเวียนของเจ้าหนี้


ตัวอย่างการหาเงินสดขั้นต่ำ

          บริษัท ชวนชม จำกัด เป็นบริษัทขายสินค้าซึ่งอายุสินค้าโดยเฉลี่ย 75 วัน มีระยะเวลาในการเรียกเก็บหนี้ 45 วันและระยะเวลาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ 60 วัน ถ้าบริษัทคาดคะเนว่าจะต้องใช้เงินสดสาหรับใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณปีละ 1,200,000 บาท (1 ปี = 360 วัน ) ให้หาว่าเงินสดขั้นต่ำที่ต้องการใช้ในการดำเนินงานเท่ากับเท่าไร


วิธีคำนวณเงินสดขั้นต่ำ

  • วงจรเงินสด = อายุสินค้า + ระยะเวลาเรียกเก็บหนี้ - ระยะเวลาชำระหนี้

                              = 75 + 45 - 60
                              = 60 วัน

  • อัตราการหมุนเวียนของเงินสด = จำนวนวันใน 1 ปี / วงจรเงินสด

                                                           = 360 / 60

                                                           = 6 ครั้ง


  • เงินสดขั้นต่ำ = เงินสดที่ต้องใช้ต่อปี / อัตราการหมุนเวียนของเงินสด

          เงินสดขั้นต่ำ = 1,200,000/ 6
                               = 200,000 บาท


     ดังนั้น เงินสดขั้นต่ำที่ต้องมีไว้ใช้ในการดำเนินงานเท่ากับ 200,000 บาท


ตัวอย่างการหาเงินสดขั้นต่ำ
          บริษัท ทำการขายสินค้าชนิดหนึ่งซึ่งอัตราการหมุนเวียนของสินค้าเท่ากับ 6 ครั้ง อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้เท่ากับ 5 ครั้ง อัตราการหมุนเวียนของเจ้าหนี้เท่ากับ 6 ครั้ง บริษัทคาดว่าจะต้องใช้เงินสดสำหรับใช้จ่ายในการดำเนินงาน ปีละ 1,500,000 บาท (1 ปี = 360 วัน) คำนวณหาเงินสดขั้นต่ำที่ต้องมีไว้ใช้ในการดำเนินงาน


วิธีคำนวณเงินสดขั้นต่ำ

  • อายุสินค้า = 360 / อัตราการหมุนเวียนของสินค้า

                           = 360 / 6 = 60 วัน

  • อายุลูกหนี้ = 360 / อัตราการหมุนเวียนลูกหนี้

                            = 360 / 5 = 72 วัน

  • อายุเจ้าหนี้ = 360 / อัตราการหมุนเวียนเจ้าหนี้


                            = 360 / 6 = 60 วัน

  • วงจรเงินสด = 60 + 72 - 60 = 72 วัน
  • อัตราการหมุนเวียนของเงินสด = จำนวนวันใน 1 ปี / วงจรเงินสด

                                                           = 360 / 72          = 5 รอบ


  • เงินสดขั้นต่า                             = 1,500,000 / 5  = 300,000 บาท


การตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการเงินสด
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การถือเงินสดเพื่อการดำเนินงานของบริษัทเข้าใกล้ศูนย์ ได้ คือ
  1. จะต้องมีการพยากรณ์กระแสเงินสดสุทธิที่มีความสมบูรณ์ตลอดระยะเวลาของการวางแผนของบริษัท
  2. เงินสดรับและจ่ายของบริษัทจะต้องมีความสอดคล้องกันอย่างเหมาะสม
ซึ่งการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการเงินสดที่สำคัญ ได้แก่
  • บริษัทจะต้องมีวิธีการเร่งการรับเงินสดให้เร็วที่สุดและชะลอการจ่ายเงินสดให้ช้าที่สุด
  • เมื่อบริษัทมีเงินสดส่วนเกินเหลือ ควรนำเงินสดนั้นไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ
วิธีการเร่งเงินสดรับและการชะลอเงินสดจ่าย
  1. การเร่งเงินสดรับ
  2. การพัฒนาวิธีการที่จะใช้ในการชะลอการจ่ายเงินสด
การจัดการกระแสเงินสดรับ
            การเร่งเงินสดรับของบริษัทนั้นจะมีความสามารถในการลดการลอยตัว  ซึ่งการลอยตัว หมายถึง ระยะเวลาของเช็คที่ได้สั่งจ่ายจนกระทั่งได้รับเงินสดจากเช็ค  โดยการลอยตัวจะมีส่วนประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
  • การลอยตัวของการส่งเช็คทางไปรษณีย์  คือ ระยะเวลาที่ลูกค้าส่งเช็คไปให้กับผู้ขาย และผู้ขายดำเนินการนำเช็คไปเข้าบัญชี
  • การลอยตัวของขั้นตอนการดำเนินการนำเช็คขึ้นเงิน คือ ระยะเวลาที่บริษัทนำเช็คของลูกค้าไปดำเนินการขึ้นเงินที่ธนาคาร
  • การลอยตัวของการเปลี่ยนเช็คเป็นเงินสด คือ ระยะเวลาที่จำเป็นของการนำเช็คที่ได้รับจากลูกค้าไปเข้าบัญชี จนกระทั่งเช็คที่สั่งจ่ายนั้นได้ clearing ในระบบธนาคาร และบริษัทได้รับเงินสดจากเช็คนั้น
  • การลอยตัวของการจ่ายเงิน คือ ระยะเวลาระหว่างเงินที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของลูกค้า จนกระทั่งเช็คสั่งจ่ายนั้นได้ clearing ในระบบธนาคารเรียบร้อยแล้ว
การคำนวณผลประโยชน์จากการลอยตัว

          บริษัท Miko จำกัด แสดงรายได้รวมเท่ากับ 350 ล้านบาท ถ้าบริษัทสามารถลดการลอยตัวได้ 1 วัน โดยอัตราผลตอบแทนของการนำเงินไปลงทุนเท่ากับ 8% มูลค่าของการลดการลอยตัวจะเป็นเท่าใด (กำหนด 365 วัน)
  • รายได้รวม / จำนวนวันใน 1ปี = 350,000,000 / 365

                                                        = 958,904.11
  • ถ้าลดการลอยตัว 1 วัน จะเท่ากับ 958,904.11 บาท
  • อัตราผลตอบแทน 8%  =  958,904.11*8%

                                               =  76,712.33 บาท

เทคนิคสำหรับการลดการลอยตัว
     1. การเช่าตู้ไปรษณีย์ (The lock Box Arrangement)
                ระบบการเช่าตู้ไปรษณีย์เป็นวิธีที่บริษัทผู้ขายสินค้าเช่าตู้ไปรษณีย์และมอบอำนาจให้แก่ธนาคารเป็นผู้ที่มาเปิดตู้และนำเช็คไปเข้าบัญชีของผู้ขาย  โดยการเช่าตู้ไปรษณีย์นี้จะทำให้บริษัทสามารถลดการลอยตัวของขั้นตอนในการนำเช็คไปขึ้นเงินได้ประมาณ 2 4 วัน

                 ซึ่งในกรณีที่บริษัทมีสถานที่ในการจัดเก็บเงินหลายแห่ง  การดำเนินการจะเป็นไปในลักษณะของเครือข่ายตู้ไปรษณีย์  คือจะมีตู้ไปรษณีย์กระจายอยู่หลายแห่ง


ขั้นตอนของระบบการเช่าตู้ไปรษณีย์
ข้อดี-ข้อเสียของการเช่าตู้ไปรษณีย์
ข้อดี :
  • ทำให้ระยะเวลาการเปลี่ยนหนี้เป็นเงินสดลดลง  ซึ่งทำให้บริษัทได้รับเงินสดเร็วขึ้น
  • ทำให้สามารถลดภาระงานของพนักงานบริษัทลงได้  เนื่องจากธนาคารเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด  ตั้งแต่รับเช็คจนนำเช็คไปขึ้นเงิน
  • ทำให้ทราบถึงเช็คที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้เร็วขึ้น
ข้อเสีย :
  • การเช่าตู้ไปรษณีย์ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
     2. การจ่ายเงินด้วยเช็คที่อนุมัติล่วงหน้า (PAC)
               การจ่ายเงินด้วยเช็คล่วงหน้านั้นจะมีประสิทธิภาพในการแปลงสภาพของเช็คให้เป็นเงินสดได้รวดเร็วกว่าเช็คทั่วไป  เนื่องจากการจ่ายเงินด้วยเช็คที่อนุมัติล่วงหน้านี้จะกระทำการโดยได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ให้บริษัทสามารถถอนเงินผ่านบัญชีกระแสรายวันของลูกค้าได้ทันที  โดยการจ่ายเงินวิธีนี้มีข้อได้เปรียบ คือ
  • สามารถคาดการณ์กระแสเงินสดของบริษัทได้ดีขึ้น
  • สามารถลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการรับชำระเงินจากลูกหนี้ลงได้
  • สามารถทำให้เงินสดที่ใช้ในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นได้  เนื่องจากสามารถลดการลอยตัวลงได้
     3. ระบบธนาคารศูนย์กลาง (Concentration Banking)
  • บริษัทที่มีสำนักงานขายอยู่หลายแห่งทั่วประเทศมักมีสำนักงานที่เป็นศูนย์เก็บเงินในภูมิภาคนั้นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียงชำระค่าสินค้าและบริการได้สะดวกขึ้น
  • โดยเมื่อศูนย์ได้รับเช็คจากลูกค้าแล้ว  ทางศูนย์ก็จะนำเช็คไปขึ้นเงินกับธนาคารในท้องถิ่น  ซึ่งเงินนั้นก็จะถูกโอนเข้าบัญชีผู้ขายที่ธนาคารศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
  • ดังนั้นระบบธนาคารศูนย์กลางจึงสามารถลดระยะเวลาการจัดเก็บเงินได้ ซึ่งถือเป็นการลดการลอยตัวได้ดีวิธีหนึ่ง  
ขั้นตอนของระบบธนาคารศูนย์กลาง

     4. การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร (Wire Transfers)
                 วิธีนี้จะทำให้บริษัทได้รับเงินรวดเร็วขึ้นอีกวิธีหนึ่ง  เนื่องจากเงินที่โอนมาบริษัทสามารถนำไปใช้ได้ทันที  ซึ่งวิธีดังกล่าวจะสามารถลดการลอยตัวจากขั้นตอนของการเปลี่ยนเช็คเป็นเงินสดได้
ขั้นตอนการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร


การจัดการกระแสเงินสดจ่าย
          เทคนิคที่สำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเงินสดจ่าย มีดังนี้

     1) การเปิดบัญชียอดเงินฝากเป็นศูนย์
           บริษัทขนาดใหญ่ที่มีสำนักงานหลายแห่งมักมีบัญชีเงินฝากอยู่หลายธนาคาร  ดังนั้นระบบบัญชียอดเงินฝากเป็นศูนย์จะมีวิธีการ คือ 
  • เมื่อเช็คถูกเรียกเก็บเงินในแต่ละวันธนาคารจะโอนเงินจากบัญชีหลักไปยังบัญชีของสำนักงานต่างๆในจำนวนเท่ากับเช็คเรียกเก็บของธนาคารแต่ละแห่ง
  • ดังนั้นยอดคงเหลือในบัญชีแห่งต่างๆจะเท่ากับศูนย์เสมอ ยกเว้นบัญชีหลักของบริษัท
  • ซึ่งการที่บัญชีมียอดเงินฝากเป็นศูนย์จะช่วยให้สามารถควบคุมการจ่ายเงินของบริษัทได้  นอกจากนั้นยังช่วยลดจำนวนเงินคงเหลือในบัญชีด้วย  
     2) การจ่ายเงินด้วยตั๋วแลกเงิน
  • ตั๋วแลกเงินนั้นบริษัทจะเป็นผู้ทำหน้าที่ออกเอง  โดยตั๋วแลกเงินจะยังไม่มีการจ่ายเงินในทันที  แต่จะรอจนกว่าธนาคารเป็นผู้เรียกเก็บ 
  • โดยตั๋วแลกเงินนั้นจะมีลักษณะเหมือนเช็คตรงการเคลียร์ริงผ่านระบบธนาคาร 
  • วัตถุประสงค์ของการจ่ายเงินด้วยตั๋วแลกเงิน คือเพื่อควบคุมการใช้จ่ายเงินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การชะลอจ่ายเงินด้วยวิธีอื่นๆ 
  1. การจ่ายชำระหนี้ด้วยเช็คที่ต้องนำเข้าบัญชีเงินฝาก  กล่าวคือ บริษัทควรพยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายชำระหนี้ด้วยเงินสดและเช็คเงินสด  เพื่อช่วยในการชะลอการจ่ายเงินสดออกไป 
  2. การกำหนดให้มีการวางใบเรียกเก็บเงินล่วงหน้า 
  3. การกำหนดวันและเวลาการจ่ายเช็คของบริษัท 
การโอนเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (EFT)


          เนื่องจากในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก  ดังนั้นในส่วนของการจัดการเงินสด  บริษัทอาจนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์  ในรูปแบบของการโอนเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) รูปแบบของ EFT คือการโอนเงินจะเกิดขึ้นกับธนาคารทั้งรับและส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และการโอนผ่านทางบัญชีทางธนาคาร

การลงทุนชั่วคราวในหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ
          เมื่อบริษัทได้กำหนดระบบที่ใช้ในการจัดเก็บเงินและชะลอการจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว  ถ้าบริษัทยังมีเงินสดส่วนเกินเหลืออยู่  บริษัทควรจะต้องพิจารณานำเงินสดส่วนนี้ไปหาผลประโยชน์ตอบแทน  โดยทางเลือกหนึ่งคือ การลงทุนในหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการเป็นการชั่วคราว

หลักเกณฑ์การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ
          ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการพิจารณาเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ต้องการ ได้แก่

1) ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risk)
          บริษัทควรพิจารณาว่าบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ที่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นได้ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาหรือไม่  โดยถ้าพิจารณาแล้วว่าบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์มีความเสี่ยงที่จะไม่ทำตามเงื่อนไขการชำระเงินสูง  ความเสี่ยงทางการเงินก็จะสูงด้วย

2) ความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนของผลตอบแทนที่ได้รับเนื่องจากการปรับเปลี่ยนของอัตราดอกเบี้ยในระบบเศรษฐกิจ
  • อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าของหลักทรัพย์จะลดลง
  • ถ้าถ้าอัตราดอกเบี้ยลดลง มูลค่าของหลักทรัพย์จะเพิ่มขึ้น
3) สภาพคล่อง (Liquidity) คือ ความคล่องตัวของหลักทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็ว  ซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์จะต้องพิจารณาว่าหลักทรัพย์นั้นสามารถนำไปขายได้ง่ายหรือไม่ถ้าบริษัทต้องการเงินสด

4) ผลตอบแทน (Yields) คือ ผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนในหลักทรัพย์  ซึ่งถ้าความเสี่ยงในการลงทุนสูง ผลตอบแทนก็จะสูงตาม / แต่ถ้าความเสี่ยงจากการลงทุนต่ำ ผลตอบแทนก็จะต่ำตาม

ประเภทของหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ
  • ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill)
          คือตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกโดยรัฐบาล  โดยปกติจะมีกำหนดไถ่ถอน 91 365 วัน  โดยตั๋วเงินคลังจะขายต่ำกว่าราคาที่ราไว้  เพราะนักลงทุนจะไม่ได้รับดอกเบี้ยแต่จะได้รับผลตอบแทนในรูปของผลต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขาย  และเนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้ออกตั๋วเงินคลัง  ทำให้ตั๋วเงินคลังเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงและมีสภาพคล่องสูง  จึงทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับต่ำกว่าหลักทรัพย์ประเภทอื่น
  • ตั๋วเงินที่ธนาคารรับรอง (Bankers Acceptances)
          คือ ตั๋วเงินที่ธนาคารรับรองแทนบริษัทผู้ออกว่าจะจ่ายเงินให้กับผู้ถือเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนด้วยจำนวนเงินที่ระบุไว้หน้าตั๋ว  ซึ่งตั๋วเงินที่ธนาคารรับรองนี้ถือเป็นตราสารหนี้ที่เปลี่ยนมือได้และมีระระเวลาไถ่ถอน 30 180 วัน  โดยส่วนใหญ่ตั๋วเงินประเภทนี้มักมีการซื้อขายในตลาด OTC และมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าตั๋วเงินคลัง
  • บัตรเงินฝาก (Negotiable Certificates of Deposit หรือ NCD)
          เป็นตราสารที่ออกให้แก่ผู้ฝากเงินเพื่อเป็นหลักฐานว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ผู้ถือจะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวคืน  โดยปัจจุบันสถาบันการเงินที่ออกบัตรเงินฝากได้ในประเทศไทย คือ ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน  ซึ่งบัตรเงินฝากต้องมีจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าฉบับละ 5,000 บาท และอายุไม่ต่ำกว่า 3 เดือนแต่ไม่เกิน 3 ปี
  • ตราสารพาณิชย์ (Commercial paper)
คือ ตราสารหนี้ที่ไม่มีหลักค้ำประกันซึ่งออกจำหน่ายโดยบริษัทที่มีขนาดใหญ่และมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี  โดยปกติตราสารพาณิชย์จะมีอายุไม่เกิน 270 วันและจำหน่ายต่ำกว่ามูลค่าที่กำหนด  ซึ่งตราสารพาณิชย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
  1. ตราสารพาณิชย์ที่เป็นหลักทรัพย์ ได้แก่ ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท
  2. ตราสารพาณิชย์ที่ไม่เป็นหลักทรัพย์ ได้แก่ ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท
  3. หุ้นกู้ระยะสั้น คือ ตราสารหนี้ที่อายุไม่เกิน 270 วัน
  • สัญญาซื้อคืน (Repurchase Agreements)

          เป็นสัญญาเกี่ยวกับการขายหลักทรัพย์  ซึ่งสัญญาว่าผู้ขอกู้จะซื้อหลักทรัพย์กลับคืนในราคาที่กำหนดบวกกับดอกเบี้ยที่ระบุไว้  โดยมีเงื่อนไขดังนี้
  1. ผู้ซื้อและผู้ขายต้องเป็นสถาบันการเงินหรือผู้ลงทุนประเภทสถาบัน
  2. สัญญาซื้อคืนต้องได้มาตรฐานตามหน่วยงานที่กลต.ยอมรับ
  3. บริษัทหลักทรัพย์จะนำหุ้นที่ได้จากการทำ equity repo ไปขายไม่ได้
  • กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Mutual Funds)
          จะเป็นหน่วยลงทุนที่ออกโดยผู้จัดการกลุ่มหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการ  โดยหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ง่าย ในราคาขั้นต่ำเท่ากับ 500 บาท  ซึ่งกองทุนรวมนี้จะมีความคล่องตัวสูงเหมือนกับบัญชีออมทรัพย์และกระแสรายวัน 




1 ความคิดเห็น:

  1. ฉันมาจากประเทศไทยและอาศัยอยู่ที่ตุรกี ฉันขอใช้เวลาเล็กๆ น้อยๆ นี้ก่อนออกไปทำงานเพื่อแนะนำบุคคลที่ใช่ที่คุณสามารถกู้เงินได้ ที่นี่หรือที่ใดในโลก (Miss Susan James Loan Firm) ฉันได้รับเงินกู้จากบริษัทนี้ หรือเว็บไซต์: https://susanjamesloanfirm6.wixsite.com/mysite

    ตอบลบ